ขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ แบบมืออาชีพ

จากบทความก่อนที่เขียนไว้ เพื่อเป็นการปูพื้นความรู้สำหรับมือใหม่ ที่กำลังจะตัดสินใจทำงานออนไลน์ นั่นคือ รูปแบบธุรกิจออนไลน์ ที่เหมาะกับพนักงานประจำ และอีกบทความหนึ่งคือ แนวทาง ขายของออนไลน์ สำหรับมือใหม่ สำหรับท่านใดที่ยังไม่ได้อ่าน แนะนำให้ไปอ่าน 2 บทความดังกล่าวก่อน ที่จะมาอ่านบทความนี้ เพราะบทความนี้จะพูดถึงแนวทางปฏิบัติ  ถ้าไม่เข้าใจความรู้พื้นฐานของธุรกิจออนไลน์แล้ว จะทำให้มองภาพใหญ่ไม่ออก สุดท้ายอาจจะจะประสบปัญหา หรือทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ แต่ถ้าเราเตรียมตัว และเริ่มต้นธุรกิจดี จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย

6 ขั้นตอน ในการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์

1. ต้องรู้ก่อนว่าจะขายอะไร จากบทความก่อน เรื่องรูปแบบธุรกิจออนไลน์ ผมได้นำเอาลักษณะของงานออนไลน์ มาแบ่งตามประเภทของสินค้า/บริการ ได้ 2 ประเภท นั่นคือ

        1.1 สินค้าที่มีตัวตน จับต้องได้ มีการจัดส่งด้วยไปรษณีย์ เช่นเสื้อ ของอุปโภค บริโภค เป็นต้น

        1.2 ส่วนอีกประเภทหนึ่ง คือสินค้าบริการ การจัดส่งก็จะง่ายหน่อย อาจจะจัดจัดส่งในรูปของเอกสารรับรอง จัดส่งทางอีเมลล์ ส่งทางหน้าเว็บ หรือถ้าเป็น Information products  ก็แทบจะไม่ต้องมีการจัดส่งเลย เพราะลูกค้าสามารถเข้าไปอ่านบนเว็บไซต์ได้ทันที

จะทำงานออนไลน์อย่างไร จะขายสินค้าอะไรดี ถ้าคุณรู้ว่าคุณชื่นชอบอะไรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แนะนำให้คุณเริ่มขาย หรือทำงานสิ่งนั้นก่อนจะดีที่สุด เพราะในช่วงแรกของการทำงานออนไลน์ คุณอาจจะไม่ได้กำไรชนิดถล่มทลาย แต่ความรับ ความชอบจะทำให้คุณประสบความสำเร็จในธุรกิจก่อน ถ้ารู้ประเภทและบริการที่จะทำ จะขายของออนไลน์แล้วจะทำให้คุณสามารถกำหนดได้ว่าจะลงทุนเท่าไหร่ ต้องเตรียมจัดทำเว็บแบบไหน และเรื่องอื่นๆ ในหัวข้อต่อไป

2. ตั้งงบประมาณการลงทุน ธุรกิจออนไลน์ลงทุนไม่เยอะ แต่จะขึ้นอยู่กับว่าคุณจะทำธุรกิจประเภทไหน ถ้าเป็นประเภทที่ขายของ ก็ต้องมีสต๊อคสินค้า มีการจัดทำเว็บ ลักษณะของเว็บก็จะมีความซับซ้อน เป็นลักษณะตระกร้าสินค้า แต่ถ้าเป็นสินค้าบริการ หรือขายข้อมูล ทำบล็อก ความซับซ้อนของเว็บไซต์ก็จะน้อย ต้นทุนการจัดทำเว็บก็จะถูกลง หรือสามารถทำได้ด้วยตัวเอง

3. จดโดเมน หรือ ชื่อเว็บไซต์ ชื่อบล็อก ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อให้จดจำและนำไปใช้งานได้ง่ายทั้งในการเข้าชมผ่านบราวเซอร์ของผู้ใช้ทั่วไป

 Domain name มีความสำคัญเหมือนเสมือนชื่อเจ้าของสินค้า หรือชื่อบริษัท เนื่องจากในโลกออนไลน์ ลูกค้าจะไม่จดจำชื่อเจ้าของสินค้าหรือชื่อบริษัท แต่จะใช้โดเมนในการเรียกและจำจำมากกว่า ดังนั้นโดเมนมีความสำคัญมาก

หลักการตั้งชื่อโดเมนที่ดี

        3.1 สื่อง่าย จำง่าย บ่งบอกถึงความเป็นคุณและองค์กรของคุณ เช่น สนุกดอทคอม ซึ่งเป็นเว็บวาไรตี้ ก็จะเป็น Sanook.com

        3.2 ไม่ควรที่จะใช้ภาษาคาราโอเกะ หรือชื่อที่สับสน เช่น matummai.com หากผู้ชมสะกดไม่ตรงแล้วก็ไม่สามารถเข้าชมได้

        3.3 ไม่ตั้งให้ยาวเกินความจำเป็น 

        3.4 สั้นไว้ก่อน ปัจจุบันโดเมนประเภท 2-3 ตัวของ .com ขายหมดแล้วซึ่งคาดว่า .net จะหมดเร็วๆ นี้ คุณลองคิดชื่อเล่น 3 ตัว เช่น 0ad os8 3sa 4dc คุณคิดว่าชื่อพวกนี้สื่ออะไรไม่ได้ แต่ทำไมมีคนจดหล่ะ แถมซื้อขายกันราคาหลักหมื่นขึ้นไป เพราะมันจำง่ายแค่ 3 ตัว อาจจะเรียกเป็น โอเอดี 0ad ก็ได้ ซึ่งก็ยังจำง่าย

3.5 อย่าพยายามตั้งเป็น ตัวเลขต่อหลัง เช่น test.com เป็น test1.com test3.com

4. ศึกษาการทำเว็บไซต์ ซึ่งมีได้ตั้งแต่ง่ายๆ จนไปถึงยากๆ ในช่วงแรกควรจะใช้บริการประเภทเว็บไซต์สำเร็จรูป ReadyPlanet.com, Makewebeasy.com‎, thaiwebwizard.com, getweb.com, Weloveshopping.com เป็นต้น หรือทำเว็บบล็อก เช่น Blogger.com, Bloggang.com, Wordpress.com เป็นต้น โดยใช้โดเมนที่เราจดไว้ แต่อย่างไรก็ตามคุณควรจะศึกษาความรู้พื้นฐานของภาษา  HTML แนะนำให้ซื้อหนังสือมาอ่าน หรือไม่ก็สมัครเรียนผ่านออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ Rongrean.com เพราะในอนาคต ถ้าเว็บใหญ่ขึ้น ต้องการขยายธุรกิจ สามารถย้ายโดเมน ที่จดไว้ ไปยังระบบใหม่ที่ซับซ้อนกว่า แต่ยังได้ลูกค้ากลุ่มเดิม เพราะลูกค้าจดจำเราที่โดเมน เท่านั้น โดยไม่สนใจว่าเราใช้เว็บสำเร็จรูปค่ายไหน จะทำเองหรือจ้าง

แนะนำให้ศึกษาเกี่ยวกับเครื่องมือการสร้างเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป อาทิเช่น  PHP-Nuke, Blogger, WordPress, Mambo, Joomla, Drupal, SMF, PHPBB, weblog อื่นๆ แนะนำให้ศึกษาเกี่ยวกับ Blogger, WordPress เป็นพิเศษ เพราะเป็นที่นิยมใช้ในการสร้างเว็บไซต์สูงมาก

บทความก่อนๆ ผมเขียนไว้เกี่ยวกับการทำ Blooger ด้วยเงินลงทุนเพียง 428 บาท ลองอ่านเพื่อเป็นไอเดียครับ

5. วางแผนการชำระเงิน จัดส่งสินค้า ปัจจุบันรูปแบบการชำระเงินมีหลายรูปแบบ และหลากหลาย ทั้งชำระเป็นเงินสดผ่านเค้าเตอร์ธนาคาร,โอนผ่าน ATM, ชำระผ่านบัตรเครดิต Paypal, Paysbuy เป็นต้น

ถ้าต้องการเพิ่มความน่าเชื่อถือ แนะนำให้ไปจดทะเบียนการค้าจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในแต่ละจังหวัด ค่าใช้จ่ายไม่เกิน 200 บาท คุณสามารถจดชื่อเว็บ แล้วนำชื่อเว็บไปเปิดบัญชีธนาคาร แทนที่ชื่อผู้รับเงินจะเป็นชื่อบุคคล ก็จะเป็นชื่อเว็บ ซึ่งมีความน่าเชื่อถือมากกว่า

6. ทำการตลาดและขายสินค้า หรือการโปรโมทธุรกิจเพื่อให้มีคนมาเยี่ยมชมเว็บ เพื่อให้มีความสนใจและสั่งซื้อ บทความก่อนๆ ผมเขียนไว้แล้วในหัวข้อ ไอเดียในการโปรโมทธุรกิจ โดยใช้ Internet เป็นช่องทางหลัก คุณสามารถเข้าไปอ่านข้อมูล หรือถ้าต้องการความรู้เพิ่มเติมมากกว่านี้ แนะนำให้เข้าไปในร้านหนังสือ แล้วมองหมวดคอมพิวเตอร์ หาหนังสือเกี่ยวกับการหารายได้ผ่านเน็ตมาอ่าน ซึ่งงานส่วนใหญ่ที่สามารถทำเงินได้จริง